เต๋าพิสดาร

มนต์รักนักร้อง “เต๋า” แต่งเมีย หักอกหนุ่มไทยทั้งประเทศ

มนต์รักนักร้อง “เต๋า” แต่งเมีย หักอกหนุ่มไทยทั้งประเทศ

คนี้หนุ่มสาวเขาจีบกันทางอากาศ รักชอบกันทางออนไลน์ และหากจะเลิกรา ก็ประกาศให้โลกรู้ทาง FACEBOOK

แต่พจนานุกรมภาษาไทย ไม่ว่ายุคไหน การคบหาของหนุ่ม สาวมักเรียงลำดับตามอักษรเหมือนหนังสือพจนานุกรม ก-ฮ เริ่ม จากชอบ – รัก – อกหัก

จีบกันยุคก่อน หนุ่มใต้รักชอบสาว เขียนจดหมายน้อย ระบายความในใจ บรรทัดท้ายใส่พิกัดนัดหมาย แล้วนำจดหมาย น้อยไม่ใส่ซอง ไปยัดใส่ในถ้วยรองรับน้ำยางที่คว่ำอยู่ พอสาวมา กรีดยางพาราตอนรุ่งสาง กรีดเปลือกเปิดหน้ายางเสร็จ ก็หงายถ้วย รองรับน้ำยาง พบจดหมายน้อย สาววัยแรกรุ่นเปิดอ่านด้วยใจระทึก และเร่าร้อนยิ่ง เขาจีบกันแบบนั้น

หนุ่มอีสาน บักไทบ้าน ผู้บ่าวชุมชน รองานหมอลำจะได้ พบหน้าผู้สาว หนุ่มเหนือก็ไม่ต่างกัน ส่วนหนุ่มกรุงเทพฯ งานใหญ่ ที่จะพบสาวต้องงานวัดภูเขาทอง หรืองานกาชาด ทว่าในแวดวงไฮโซ สังคมชั้นสูง เขาจีบกันอีกแบบ บ้างไปเจอ

กันตามงานเลี้ยงหรูหรา หรือไม่ก็ภัตตาคารราคาแพง หนุ่มสาวที่ เดินเข้าสู่หรูหราสถาน ต้องมีเงินและมีสี เป็นลูกหลานดงผู้ดีมี สตางค์

“หนุ่มเต๋า” เขาเป็นน้องในกลุ่มนักเที่ยว พี่ๆ มีเมียกันหมด แล้ว เหลือแค่เขาที่ยังอยู่คนเดียวเปลี่ยวกาย สุขสบายแต่ไม่สนุก หลายปีที่ผ่านมา เข้าออกร้านรวงหรูหรา เที่ยวมาหลายที่ พบอิสตรี หลายคน จนเขาค้นพบว่า แสงดาวนับร้อยก็ไม่สุกสกาวเท่าเดือน ดวงเดียว เดือนที่ว่านั้นคือ เพียงพิศ ศิริวิไล ที่ร้องได้เสนาะหู ที่ สำคัญ… “โดนใจ”

นักร้องสาวที่ชื่อ เพียงพิศ ศิริวิไล บัดนี้ได้ครอบครองหัวใจ หนุ่มเต๋าไปแล้ว บทเพลงโด่งดังของเพียงพิศ ศิริวิไล “หนุ่มเต๋า ฟังทีไรเคลิ้มใจทุกที “คนหลายใจ

ใต้ฟากฟ้า สุราลัย เหนือหัวใจปรารถนา

อิ่มความรัก แล้วเอย กลับเป็นเลย ลับลา ไม่นำพา ก็คงสาหัวใจ

เพิ่งจะรู้ คู่เธอมีเหมือนธุลี ขาดลอยไป

เลิกปองมา หลายคน เจอะแต่คนหลายใจ ช่างประไร เจ็บจำ น้ำจิตคน

เธอมีคู่ครอง มองเห็นอยู่กับตา บาดอุรา เหลือทน คิดดูหรือเปล่า อกเขาก็คนจะทนอย่างไร

เกิดมาแล้ว เพื่อจะรัก หลงภักดี จะมีไหน เจ็บระกำ ช้ำตรม แล้วใจ

สุดจะทน

จะโทษใคร ก็ใครใช้ เล่าเอย

ยุคนั้นสาวๆ ร้องเพลงนี้ฮิตกันทั้งบ้านทั้งเมือง ร้องเพลงนี้กัน เป็นแถว หลังจากนั้นเพียงพิศออกแผ่นเสียงอีกมากมาย กลายเป็น

นักร้องแถวหน้า รวมทั้งเพลงดังอย่าง “ขาดการติดต่อ และจบ เพลงนี้เหมือนขาดติดต่อจริงๆ เพราะเธอหายจากวงการเพลงไปนาน

6 ปี เพื่อไปทําธุรกิจ

หลังจากนั้นแฟนเพลงที่รอคอยได้ยินเสียงเธออีกครั้ง ใน บทเพลงสุดยอดอมตะ “ไฟเสน่หา” ที่พาให้เธอดังเป็นพลุแตก รู้อยู่เต็มอก ซึ่งอยู่เต็มใจ ว่าเขาไม่รัก สุดจะหักห้ามดวงใจ ดับไฟเสน่หา

รู้อยู่ทุกครั้ง ที่คิดถึงเขา แสนทรมาน ก็เพราะรู้ว่า เขาไม่เคย

ซึ้ง คิดถึงเราเลย

รักเอยเพิ่งเคยซึ้ง ตรึงดวงจิต ไม่อยากคิด ก็ยิ่งคิดนิจจาเอ๋ย รู้อย่างนี้ จะไม่รักให้นักใจเลย โอ้ใจเอ๋ยใจเรา รักเขาแล้วเอย รักเอยเพิ่งเคยซึ้ง ตรึงดวงจิต ไม่อยากคิด ก็ยิ่งคิดนิจจาเอ๋ย รู้อย่างนี้ จะไม่รักให้หนักใจเลย โอ้ใจเอ๋ย ใจเรา รักเขาทำไม บทเพลงนี้เด็ดขาดบาดใจ หนุ่มๆ สาวๆ นิยมชมชอบ ส่วน “หนุ่มเต๋า” เขาก็ชอบทั้งเพลงและคนร้อง ในขณะที่หนุ่มๆ ทั้ง ประเทศต่างหลงเสียงนาง

“เพลงดังๆ สมัยก่อนมีหลายเพลง แต่ที่ดังกว่าเพลงทุกเพลง คือ ไฟเสน่หา ขับร้องโดย เพียงพิศ ศิริวิไล มันเป็นความลงตัวของ บทเพลง เนื้อหากินใจ ดนตรีไพเราะ คนร้องนี่ก็สุดยอด ฟังแล้ว เคลิ้มทุกที มีความสุข” อาเต๋เล่าความในใจเมื่อ 40 กว่าปีก่อน

หลังจากนั้นทั้งคู่คบหาดูใจกัน มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกัน ความ สัมพันธ์เลยแนบแน่น ในที่สุดความรักของทั้งคู่ก็สุกงอม “หนุ่มเต๋ รับรู้ได้ว่าไม้งามคู่ควรกับการทำเสาเอกของบ้านเท่านั้น จึงตัดสินใจ ร่วมเรียงเคียงหมอน แต่งงานกัน เป็นการหักอกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ในยุคนั้น

“ผมชื่นชมหัวใจของแอ๊ด (ชื่อเล่น เพียงพิศ ศิริวิไล) ตอน นั้นเขาดังมาก หลังจากแต่งงานกันแล้ว ทีวีหลายช่องติดต่ออยาก ให้เขาไปร้องเพลง คิวค่อนข้างเยอะ จนมีอยู่วันหนึ่งทางช่อง 7 ติดต่อให้เขาไปร้องเพลงออกทีวี เขาแต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังจะขึ้นรถ แต่ลูกร้อง เชื่อไหม เขาไม่ไปร้องเพลงออกทีวี เปลี่ยนชุดทันทีเพื่อ ดูลูก ผมนับถือหัวใจเขามาก เขารักครอบครัว ผู้หญิงคนนี้แหละ ที่ ผมว่าหัวใจเขาสุดยอด”

ในยุคนั้น “หนุ่มเต๋า” ไปไหนมาไหนมักพาเพียงพิศไปด้วย ไม่ว่าจะเข้าสังคมเมืองกรุงหรือมุ่งสู่ผืนป่าล่าสัตว์ชายแดนไทย-พม่า และไทย-กัมพูชา

“ผมไม่ค่อยอยากให้เขาไปด้วยหรอก เขาเป็นคนใจบุญใจดี พอเข้าป่าเอาแต่สวดมนต์ภาวนา อย่าให้เจอสัตว์ พอเจอสัตว์เขาก็

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *